วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2561

คับแน่นด้วยคุณภาพ แตกต่างด้วยเทคโนโลยีชั้นนำ ต้อง MILLCON



การที่จะดึงใจผู้บริโภคให้อยู่ได้นั้น คุณภาพของสินค้าเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากที่ผู้ผลิตต้องคำนึงถึง เพราะนั้นเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความใส่ใจในกระบวนการผลิตของผู้ผลิต ในวงการก่อสร้าง เหล็กเป็นอีกหนึ่งในสินค้าที่มีกระบวนการซับซ้อน และต้องใช้เทคโนโลยีระดับสูงในการผลิตเหล็กแต่ละชิ้นขึ้นมา เพื่อประกอบเข้าแต่ละส่วนของโครงสร้าง ทำให้ มิลล์คอน สตีล ที่ก่อตั้งโดย เสี่ยหมู มิลล์คอน หนึ่งในผู้ผลิตเหล็กของไทย ที่เลือกนำเทคโนโลยีการผลิตระดับสูงมาใช้ เพื่อให้การผลิตสินค้าของเค้าออกมามีคุณภาพสูงที่สุด เทียบเท่าสินค้าของต่างชาติเลยทีเดียว

เหล็กบริสุทธิ์เกิดขึ้นได้จากเทคโนโลยีที่ดี


กระบวนการผลิตของ มิลล์ คอน สตีล นั้นใช้กระบวนการผลิตเหล็กกล้า ด้วยเตาอาร์คไฟฟ้า (Electric Arc Furnace : EAF) ซึ่ง EAF พูดให้เข้าใจง่ายๆ เป็นกระบวนการผลิตเหล็กด้วยวิธีอาร์คไฟฟ้า นับเป็นเทคโนโลยีการผลิตเหล็กที่ดีที่สุดในเมืองไทย ด้วยการนำเศษเหล็ก เช่น ซากเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างตู้เย็น เครื่องซักผ้า หรือรถยนต์ เป็นต้น มาผ่านกระบวนการหลอมเพื่อปรับคุณภาพของเหล็กใหม่ให้เป็นเหล็กกล้าคุณภาพสูง ด้วยการอาร์คไฟฟ้ากำลังสูง หรือปล่อยกระแสไฟฟ้าแรงสูงผ่านแท่งอิเล็กโทรด ความต่างศักดิ์ระหว่างแท่งอิเล็กโทรดกับเศษเหล็กสูงกว่า 500 โวลต์ ทำให้เศษเหล็กหลอมละลายที่อุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 1,600 องศา

จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการพ่นออกซิเจนเข้าสู่น้ำเหล็ก (Oxidation) เป็นการลดปริมาณออกซิเจน ไนโตรเจน และ ไฮโดรเจน ภายใต้บรรยากาศที่มีระดับความดันต่ำมากระดับสูญญากาศ ( Vacuum Degassing ) ทำให้สิ่งแปลกปลอมที่มากับเศษเหล็กแยกตัวจากน้ำเหล็กทำให้น้ำเหล็กมีความสะอาดมากขึ้น ซึ่งกระบวนการนี้ส่งผลให้แท่งเหล็กที่หลอมขึ้นมา มีคุณภาพสูง และ สะอาดมาก ในระดับที่เรียกได้ว่าเป็น " เหล็กบริสุทธิ์ " เลยทีเดียว

การันตีคุณภาพด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย

ปัจจุบัน มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) มีการผลิต และจัดจำหน่ายเหล็กอย่างหลากหลายชนิด

จากกระบวนการผลิตรูปแบบดังกล่าวข้างต้น ได้แก่

1. เหล็กแท่งทรงยาว เป็นเหล็กที่ยังไม่สามารถนำไปใช้งานได้ทันที ต้องผ่านกระบวนการรีดปรับขนาดใหม่เพื่อให้เป็น Finished Goods เพื่อนำไปผ่านกระบวนการถัดไป ประเภทเหล็กทรงยาว หลักๆ แล้วจะมี 3 ประเภท คือ เหล็กเส้นกลม (Round Bar) เหล็กข้ออ้อย (Deformed Bar) และเหล็กลวด (Wire Rod)

2. เหล็กลวด หรือ เหล็กทรงยาวที่เกิดจากการรีดร้อนของเหล็กแท่ง โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดจะเริ่มตั้งแต่ 5.5 mm เป็นต้นไป ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน เช่น ลวดชุบสังกะสี ลวดหนาม โซ่ ลวดผูกเหล็ก เหล็กปลอก หรือ แม้กระทั่ง ตะแกรงเหล็ก เป็นต้น

3. เหล็กเส้นเสริมคอนกรีต มิลล์คอนเป็น เช่น เหล็กเส้นกลมที่ผลิตตามมาตรฐานบังคับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก. 20-2559 และเหล็กเส้นข้ออ้อยที่ผลิตมาตรฐานบังคับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก. 24-2559 โดยเหล็กเส้นข้ออ้อยจะมีกระบวนการผลิตที่ผ่านกรรมวิธีทางความร้อน (Heat Treatment) จะแสดงอักษรย่อ “T” เป็นตัวนูนบนผิวเหล็ก ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานบังคับผลิตภัณฑ์อุตสหกรรม
(มอก.)

4. เหล็กรูปพรรณ เช่น เหล็กตัดขนาดต่างๆ เหล็กโครงสร้างรูปพรรณขึ้นรูปเย็น ตัวอย่างได้แก่


ท่อเหล็ก มอก. 107-2533 โดยจะผลิตเหล็กรูปพรรณชนิดท่อเหล็ก 3 ชนิด ได้แก่ ท่อกลม

ท่อแบน ท่อเหลี่ยม ซึ่งเป็นวัสดุสำคัญในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมยานยนต์ หรืออุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ ทั้งยังนำไปปรับใช้กับอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้อีก


เหล็กรูปตัวซี มอก.1228-2549 เป็นเหล็กที่มีรูปร่างคล้ายตัวอักษร C โดยในการผลิตจะนำ

เหล็กม้วนแถบเล็ก (Slitting Coil) ที่ตัดตามขนาด ขึ้นรูปในลักษณะตัว C โดยปกติจะถูกนำมาใช้ในงานก่อสร้างในส่วนโครงสร้างหลังคาเป็นส่วนใหญ่


เหล็กแผ่น ได้มาจากการนำเหล็กรีดร้อนชนิดม้วน นำมาคลี่แล้วตัดเป็นแผ่นด้วยเครื่องตัด

เหล็ก (Cutting Machine) ในขนาดความกว้างและความยาว ที่แตกต่างกันออกไปตามต้องการ โดยเหล็กแผ่นนิยมนำไปใช้ในอุตสาหกรรมแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็ก รวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วย


เหล็กแบนตัด เป็นการนำเหล็กรีดร้อนมาตัดให้ได้ขนาดและรูปร่างตามจ้องการ สามารถ

นำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย เช่น ประตูรั้ว ตะแกรง อุปกรณ์ตกแต่งภายใน และอื่นๆ

เป็นต้น


5. เหล็กข้ออ้อยชนิดเกลียว เป็นเหล็กที่ มิลล์คอน สตีล ใช้นวัตกรรมล่าสุดในการพัฒนาขึ้นมาในชื่อ ONE BAR เพื่อให้ต่อเหล็กได้ตลอดเส้น ช่วยทำให้ประหยัดเวลาในการผลิต ลดต้นทุนในการก่อสร้าง และยังมีความแข็งแรงมากๆอีกด้วย โดยเหล็กข้ออ้อยชนิดเกลียว มอก.24 จะแบ่งเป็นเกรด ได้แก่ เกรด SD40 และเกรด SD50 ที่ใช้ในงานก่อสร้างทั่วไปในประเทศไทย


นอกจากนี้ มิลล์คอน สตีล ยังสามารถตัด หรือ ดัดตัวเหล็ก เพื่อรองรับตามความต้องการของลูกค้าได้ในรูปแบบที่หลากหลาย เพื่อลดปัญหาการตัดแล้วเหลือหน้างาน เกิดการศูนย์เสียประโยชน์ และเป็นการช่วยลดต้นทุนให้กับโครงการของลูกค้าอีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น